วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

โคลงสี่สุภาพ

ห้องเรียนสีชมพู เรียนรู้ร้อยกรองกาพย์ และกลอน คุยกับครูภาทิพตัวอย่างการแต่งโคลงสี่สุภาพและโคลงกระทู้
ข้อบังคับของโคลงสี่สุภาพ (สังเกตจากแผนผัง)๑. บทหนึ่งมี ๔ บรรทัด๒. วรรคหน้าของทุกบรรทัด มี ๕ พยางค์ วรรคหลังของบรรทัดที่ ๑ - ๓ มี ๒ พยางค์ บรรทัดที่ ๔ มี ๔ พยางค์ สามารถท่องจำนวนพยางค์ได้ดังนี้ห้า -สอง (สร้อย ๒ พยางค์ มักลงท้ายด้วย นา แฮ เฮย เพื่อรับคำ ต่อคำ เชื่อมคำ )ห้า- สองห้า - สอง (สร้อย ๒ พยางค์ มักลงท้ายด้วย นา แฮ เฮย เพื่อรับคำ ต่อคำ เชื่อมคำ )ห้า - สี่ (หากจะให้เกิดความไพเราะในการอ่านนิยมลงเสียงจัตวา)๓. มีตำแหน่งสัมผัสตามเส้นโยง๔. บังคับรูปวรรณยุกต์ เอก ๗ โท ๔ ตามตำแหน่งในแผนผัง

. กรณีที่ไม่สามารถหาพยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์ตามต้องการได้ให้ใช้ เอกโทษ และโทโทษ เอกโทษ และโทโทษ คืออะไร?

คำเอกคำโท หมายถึงพยางค์ที่บังคับด้วยรูปวรรณยุกต์เอก และรูปวรรณยุต์โท กำกับ อยู่ในคำนั้น โดยมีลักษณะบังคับไว้ดังนี้

คำเอก ได้แก่ พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์เอกบังคับ เช่น ล่า เก่า ก่อน น่า ว่าย ไม่ ฯลฯ และให้รวมถึงคำตายทั้งหมดไม่ว่าจะมีเสียงวรรณยุกต์ใดก็ตาม เช่น ปะ พบ รึ ขัด ชิด (ในโคลงและร่ายใช้ คำตาย แทนคำเอกได้)

คำตายคือ1.คำที่ประสมสระเสียงสั้นแม่ ก กา (ไม่มีตัวสะกด)เช่นกะ ทิ สิ นะ ขรุ ขระ เละ เปรี๊ยะ เลอะ โปีะฯลฯ
2. คำที่สะกดด้วยแม่ กก กบ กด เช่น เลข วัด สารท โจทย์ วิทย์ ศิษย์ มาก โชค ลาภ ฯลฯ

คำโท ได้แก่ พยางค์ที่มีรูปวรรณยุกต์โทบังคับ ไม่ว่าจะเป็นเสียงวรรณยุกต์ใดก็ตาม เช่น ข้า ล้ม เศร้า ค้าน
คำเอก คำโท ใช้ในการแต่งคำประพันธ์ประเภท "โคลง" และ "ร่าย"และถือว่าเป็นข้อ บังคับของ ฉันทลักษณ์ที่สำคัญมาก ถึงกับยอมให้เอาคำที่ไม่เคยใช้รูปเอก รูปโท แปลงมาใช้ เอก และ โท ได้ เช่น เล่น นำมาเขียนใช้เป็น เหล้น ได้ เรียกว่า "โทโทษ" ห้าม ข้อน นำมาเขียนเป็น ฮ่าม ค่อน เรียกว่า "เอกโทษ" เอกโทษและโทโทษ นำมาใช้แก้ปัญหาได้ แต่ในปัจจุบันไม่นิยมใช้เอกโทษและโทโทษ
ที่มา : http://www.st.ac.th/thaidepart/poemt2.php#chan6
หากแต่งโคลงสี่สุภาพ ตามกระทู้หรือตามหัวข้อเรื่อง จะเรียกโคลงนั้นว่าโคลงกระทู้โดยผู้แต่งจะเขียนกระทู้แยกออกมาด้านข้าง หากแยกออกมา ๑ พยางค์ เรียกว่ากระทู้ ๑ คำหากแยกออกมา ๒ พยางค์ เรียกว่ากระทู้ ๒ คำ ดูตัวอย่างด้านล่าง หรือจากสุภาษิตคำโคลง บางสำนวน
ตัวอย่างคำประพันธ์ที่นิยมท่องเป็นต้นแบบเพื่อง่ายต่อการจดจำแผนผัง
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง
อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร
ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล
ลืมตื่น ฤๅพี่
สองพี่คิดเองอ้า
อย่าได้ถามเผือ

ลิลิตพระลอ
โปรดสังเกตคู่สัมผัสจากสีของคำตัวอย่างโคลงกระทู้ ๑ คำกวนน้ำให้ขุ่น
กวน
ตะกอนสงบแล้ว
กลับมา
น้ำ
ขุ่นคลักอีกครา
สุดใช้
ให้
คนตัดปัญหา
เหตุแห่ง เคืองแล
ขุ่น
ข่มจิตสงบไว้
อย่าได้ฟื้นความ


ครูภาทิพ ศรีสุทธิ์
๏ มาฆบูชาเทศน์ถ้อยคืนค่ำบำเพ็ญบุญวารโอวาทคอยจุน เพ็ญพร่างทางธรรมเยื้อง
ธรรมคุณบาทเบื้อง จิตสว่าง ไสวแล ย่างย้ายขยายธรรม
๏ พันสองร้อยห้าสิบถ้วน เผยแพร่ธรรมพุทธองค์ หมายมุ่งกลับคืนคง เวฬุวันเหมือนแม้น
พระสงฆ์ออกแคว้นราชคฤห์ พร้อมนาดั่งได้นัดหมาย
๏ โอวาทปาติโมกข์เน้น ละชั่วกรวดตะกอน ทำดีขจายขจร จิตผ่องผุดผาดเกื้อ
นำสอนกร่อนเนื้อจบทั่ว สกนธ์แฮ ก่อให้โลกงาม
๏ ดอกบัวเทียนธูปน้อม อรหังสัมมาขาน นะโมตัสสะสาร อิติปิโสแล้ว
นมัสการแจ่มแจ้วสามจบ กระจ่างนาสืบถ้วนสรรเสริญ
๏ "องค์ใดพระสัมพุทธ"ซร้อง สวากขาโตเพียง "ธรรมะคือคุณากร"เคียง สุปฏิปันโนย้ำ
สืบเสียงเพราะล้ำขานสดับ จิตนาอย่าได้ลืมหลง
๏ "สงฆ์ใดสาวก"ผู้ พาหุงสหัสฯผจง ตาม"ปางเมื่อพระองค์" "อัชชายัง"ประจวบครั้ง
ดำรง ศาสน์นอจิตตั้งเอิบอิ่ม ฤทัยแลแต่เบื้องพุทธกาล
๏ "มาฏะนักขัตตะ"แล้วสามจบทักษิณา รำลึกพระพุทธาพระธรรมพระสงฆ์ไซร้
เวียนขวานิ่งไว้อิติ ปิโสแลเสร็จสิ้นมาฆวาร ๚ ๛

อ.ภาทิพ ศรีสุทธิ์23 ก.พ.48

๏ เดือนแปดแรมค่ำพร้อม
พักฝน
สงฆ์หยุดจรดล
ดุ่มด้าว
เดิมเหตุแห่งผองพล
ตำหนิ มานา
เหยียบย่ำพืชพันธุ์ข้าว
ร่ำร้องเสียหาย
๏ สัตตาหะกฎแจ้ง
เจ็ดวัน
สงฆ์เคลื่อนออกเขตขัณฑ์
ขัดข้อง
เกินกว่ากำหนดพรร-
ษาขาด นาพ่อ
จำอ่านเขียนเพียรซ้อง
สวดซ้ำคำสอน
๏ สบงจีวรพรั่งพร้อม
เข็มบาตร
รัดประคดอนุญาต
กล่าวไว้
หม้อกรองน้ำมิพลาด
สังฆาฎิ อีกนา
อัฏฐบริขารของใช้
ชั่วครั้งพรรษา
๏ชุมชนคอยเคี่ยวน้ำ
หลอมเทียน
ลางแท่งสลักเพียร
เพริศแพร้ว
สมโภชน์แห่รำเวียน
กลองแห่ แหนนา
เงินพุ่มตามเทียนแก้ว
สู่ห้วงวิหาร
๏ ตักบาตรพาผ่องแผ้ว
พบบุญ
จิตแจ่มเกิดการุณย์
เปล่าร้อน
ความดีเพิ่มพูนตุน
เต็มชาติ นี้นอ
หยุดเสพหยุดยอกย้อน
อยู่ด้วยสัตย์ศีล

ครูภาทิพ 20 ก.ค.48

ที่มาwww.st.ac.th/bhatips/klong.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น